รับลงโฆษณา

หาจิตแพทย์ ที่ไหนดี ที่รักษาโรคจิตเวชหาจิตแพทย์ ที่ไหนดี ที่รักษาโรคจิตเวชได้ผลอย่างแน่นอน

สำหรับโรคจิตเวชเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดเลยก็ว่าได้ และเป็นความรู้สึกที่เป็นตราบาปอย่างหนึ่งที่ทำให้คนที่ป่วยโรคจิตเวชส่วนใหญ่มักจะไม่กล้าออกไปใช้ชีวิตปกติที่มากมายนัก โดยจากผลสำรวจพบว่าคนส่วนหนึ่งประมาณหนึ่งในห้าของประชากรมีอาการป่วยผิดปกติทางจิต เช่น โรคซึมเศร้า ความวิตกกังวล โรคอารมณ์สองขั้ว ซึ่งสาเหตุของโรคถือว่ามีหลากหลายเหตุปัจจัยที่ทำให้เราป่วยเป็นโรคเหล่านี้ได้ง่าย ดังนั้นในบทความนี้เราจึงพาทุกท่านมาทำความรู้จักเกี่ยวกับสุขภาพจิตให้มากขึ้น และรวมไปถึงได้พบกับ 5 อันดับ จิตแพทย์ ที่ไหนดี ที่น่าเชื่อและมีการรักษาที่ดีที่สุดโดยมีรายละเอียดดังนี้

ปัญหาสุขภาพจิตที่วัยทำงานควรระวัง

ในวัยทำงานเป็นวัยที่ต้องเจอสังคมรอบด้าน และต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวอันหนักอึ้ง จึงทำให้คนในวัยทำงานส่วนใหญ่เกิดความเครียด พร้อมกับมีภาวะของโรคซึมเศร้าร่วมด้วย ซึ่งปัญหาสุขภาพแบบนี้ถ้าปล่อยไว้นาน ๆ โดยที่ไม่รักษาก็ทำให้อาการแย่ลงได้มากขึ้น ดังนั้นปัญหาสุขภาพที่คนในวัยทำงานทุกคนควรระมัดระวังให้มากที่สุดก็มีดังนี้

1. เครียดสะสม ในวัยทำงานเป็นวัยที่จะต้องเผชิญกับความเครียดในเรื่องงานแต่ละวันแบบไม่ซ้ำกัน และมีความคาดหวังสูงเพื่อให้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงานให้สูงมากขึ้น จึงทำให้ใครหลายคนยอมทำงานหนัก จนส่งผลทำให้เกิดภาวะเครียดสะสม ซึ่งทำให้ร่างกายและอารมณ์เปลี่ยนไป เช่น การตื่นกลางดึก มีอาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร มีอาการเศร้าหมอง และมีความต้องการทางเพศลดลง ดังนั้นถ้าใครมีปัญหาเรื่องความเครียดที่สะสมมานานควรหาเวลาว่างในการทำสิ่งที่เราชอบไม่ว่าจะเป็น การไปเที่ยว การช้อปปิ้ง การพบปะเพื่อนฝูง ก็จะช่วยให้อาการเครียดของเราดีมากยิ่งขึ้น

2. ความรู้สึกการหมดไฟในการทำงาน เป็นปัญหาใหญ่ที่ชาวทำงานหลายคนพบเจอมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการที่เราทำงานหนักมากจนเกินไป เลยทำให้มีความเครียดเรื้อรัง บวกกับมีภาระในชีวิตประจำวันอันหนักหน่วง ซึ่งทำให้บุคคลที่มีอาการเหล่านี้จะมีความรู้สึกที่ไม่อยากไปทำงานหรือพบปะผู้คนมากนัก ดังนั้นวิธีการแก้ควรหาเวลาในการพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเป็นการผ่อนคลายสมอง และไม่ควรนำงานกลับไปทำที่บ้าน เพราะเราจะได้มีเวลาในการพักผ่อนได้เต็มที่โดยที่ไม่ห่วงงานมากเกินไป

3. มีความรู้สึกไม่พอใจในตนเอง เป็นปัญหาสุขภาพจิตที่วัยทำงานหลายคนมักประสบปัญหานี้อยู่เลยก็ว่าได้ โดยสาเหตุมาจากที่เรารู้สึกไม่ชอบกับสิ่งที่ตนเองได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่ให้อภัยตนเองเมื่อทำบางสิ่งบางอย่างผิดพลาด เลยกลับทำให้มีความคิดว่าตนเองไม่มีคุณค่า สูญเสียความมั่นใจ และการให้เกียรติตนเอง จนส่งผลทำให้กลายเป็นคนมองโลกในแง่ลบอยู่เสมอ ดังนั้นวิธีการแก้ความรู้สึกดังกล่าวนี้ให้เรารู้จักให้อภัยตนเอง พูดขอบคุณตนเองอยู่เสมอ ก็จะช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งไม่ควรนำตัวเองไปเปรียบกับคนอื่น ๆ เพราะจะทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจและไม่มีความสุขอย่างนั้นเอง

4. โรคซึมเศร้า เป็นโรคทางกายที่วัยทำงานส่วนใหญ่มักเป็นโรคนี้กันมากที่สุด โดยสาเหตุมาจากสารเคมีในสมองมีความไม่ดุลกัน จึงทำให้เรามีความรู้สึก อารมณ์ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจัยหลักเกิดจากความเครียด สภาพสังคม สิ่งแวดล้อม และความกดดันในที่ทำงาน จนส่งผลทำให้เรามีอาการเบื่อหน่ายกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวที่มากยิ่งขึ้น ดังนั้นวิธีการแก้ที่ดีที่สุดควรหาเวลาไปพบแพทย์เพื่อหาหนทางแก้ไขและรักษาอาการดังกล่าวให้ดีขึ้น

5. กลุ่มโรควิตกกังวล ถือว่าเป็นโรคทางจิตชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้ โดยร่างกายจะเกิดการทำงานผิดปกติ และมีอาการเครียดร่วมด้วยเป็นสิ่งเข้ามากระตุ้น จึงทำให้มีอาการที่แสดงออกมาหลากหลายอย่าง เช่น หัวใจเต้นแรง ตัวชา ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และรวมไปถึงมีอาการหวาดกลัวสิ่งผิดปกติร่วมด้วย ดังนั้นวิธีการแก้ของโรคนี้ควรรับการรักษาจากทางแพทย์ดีที่สุด พร้อมกับควรทำการแนะนำของทางแพทย์ก็จะช่วยให้อาการป่วยดีมากยิ่งขึ้น

อาการที่ควรระวังและควรไปพบแพทย์มากที่สุด

ปัญหาเรื่องการทำงานและการเรียนอาจจะส่งผลทำให้เราเกิดความเครียดสะสม และรวมไปถึงเกิดโรคทางสุขภาพตามมา ซึ่งถ้าปล่อยไว้ในระยะนาน ๆ อาจจะส่งผลทำให้อาการป่วยดังกล่าวดังมากยิ่งขึ้น ดังนั้นอาการที่ควรระวังและควรไปพบแพทย์มากที่สุดก็มีดังนี้

• ไม่สามารถควบคุมอารมณ์เศร้า โกรธ หรืออาการหงุดหงิดของตัวเองได้
• มีรูปแบบการนอนหลับที่เปลี่ยนไป และมักจะนอนไม่หลับอยู่บ่อยครั้ง
• มีการใช้แอลกอฮอล์หรือยาอื่น ๆ เพื่อเป็นการผ่อนคลายความเครียดของตนเอง
• มีปัญหาด้านการเรียนและการทำงาน เช่น มีความรู้สึกไม่อยากไปเรียน และไม่มีสมาธิในการทำงานต่าง ๆ ได้ดีเท่าเมื่อก่อน
• มีความรู้สึกที่ไม่อยากเข้าสังคมหรือพูดคุยกับคนอื่นมากนัก และมีอาการวิตกกังวลมากจนเกินไป
• มีอาการเจ็บป่วยโดยที่ไม่ทราบสาเหตุมาก่อน เช่น ปวดท้อง ปวดหัว รวมไปถึงมีอาการปวดเมื่อยตามตัวร่วมด้วย
• มีอาการฝันร้ายบ่อย ๆ และมีอารมณ์ที่ฉุนเฉียวจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้
• มีความรู้สึกที่อยากฆ่าตัวตายหรือไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ

วิธีการคัดเลือกคุณหมอจิตแพทย์ทำได้อย่างไร

เมื่อเรารู้ตัวว่ามีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตและมีความเครียด การเลือกไปพบแพทย์ถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้สามารถรักษาอาการดังกล่าวให้ดีมากขึ้น ดังนั้นก่อนการเข้ารับการรักษากับทางทีมแพทย์เราควรเลือกทีมแพทย์ตามหลักการต่อไปนี้

การคัดเลือกแพทย์ตามอายุของคนป่วย

อาการของคนที่ป่วยเป็นโรคทางจิตแพทย์ก็จะมีอาการที่แตกต่างกันออกไป พร้อมกับยังมีเงื่อนไข้ในการรักษาที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นผู้ป่วยแต่ละวัยก็จะมีการเข้ารับการรักษากับทีมแพทย์ที่ต่างกัน ซึ่งมีรายละเอียดโดยรวมดังนี้

• จิตเวชเด็กและวัยรุ่น เป็นทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านการวินิจฉัยรวมไปถึงการรักษาความผิดปกติ และรวมไปถึงพฤติกรรมความคิดโดยรวมของเด็ด ซึ่งทางแพทย์จะมีการรักษาที่เน้นการบำบัดรักษาให้ดีมากขึ้น ด้วยการชวนให้เด็กทำกิจกรรมต่าง ๆ และรวมไปถึงมีการแนะนำให้ผู้ปกครองดูแลเด็ก ๆ ด้วยวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม ก็จะช่วยให้อาการป่วยทางจิตของเด็กดีมากยิ่งขึ้น
• จิตเวชผู้ใหญ่ เป็นแผนกจิตเวชที่ดูแลรักษาผู้ใหญ่ที่มีอาการป่วยทางจิตตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป โดยมีการแบ่งรูปแบบการรักษาออกเป็น 2 แบบด้วยกัน ก็คือ การรักษาด้วยยา ซึ่งจะให้ยาเพื่อปรับความสมดุลทางเคมีของสมองของผู้ป่วย และถ้าอาการดีขึ้นก็จะค่อย ๆ ลดปริมาณของยาให้น้อยลง ในส่วนของการรักษารูปแบบที่สอง คือ การรักษาทางจิตใจ โดยเป็นการพูดคุยเพื่อระบายความรู้สึกให้ผู้ป่วยเกิดความสบายใจ พร้อมกับยังมีการแนะนำแนวทางในการแก้ปัญหาที่มีความเหมาะสม
• จิตเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ เน้นช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอายุประมาณ 55 ปีขึ้นไป ด้วยการเน้นการรักษาทางด้านจิตใจเป็นหลัก พร้อมกับยังให้คำแนะนำในเรื่องของการดูแลสภาพจิตใจของตนเอง เพื่อให้ผู้ป่วยมีอาการที่ดีมากขึ้น และยังมีการให้ผู้ป่วยได้เข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการเพื่อผ่อนคลายความเครียดและอาการซึมเศร้าให้ดีมากขึ้น

การเลือกทีมแพทย์จากการรักษาของสถานพยาบาลจิตเวช

การเลือกสถานพยาบาลในการเข้ารับการรักษาถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยให้เราหายจากอาการป่วยทางจิตได้รวดเร็วมากขึ้น และการรักษาอย่างถูกต้องยังช่วยป้องกันไม่ให้เรากลับมาเป็นซ้ำอีกด้วย ดังนั้นสถานพยาบาลที่เปิดรับการรักษาเกี่ยวกับอาการทางจิตทุกประเภทก็มีดังนี้

• โรงพยาบาลรัฐ เช่น โรงพยาบาลศรีธัญญา โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เป็นต้น ซึ่งเป็นโรงพยาบอลที่เราสามารถเบิกค่าใช้จ่ายประกันสังคมเพื่อเข้ารับการรักษาได้อีกด้วย ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลก็จะอยู่ที่ประมาณ 500-1000 บาท และการรักษาในครั้งต่อไปก็จะอยู่ประมาณ 50-100 บาทต่อหนึ่งครั้ง แต่มีข้อเสียที่ว่าจะเสียเวลาในการรอคิวที่นานและไม่สะดวกสบายเท่าไหร่นัก
• โรงพยาบาลเอกชน เช่น โรงพยาบาลมนารมย์ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท โรงพยาบาลกรุงเทพ ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการรักษาจะอยู่ที่ประมาณ 1000-3000 บาทต่อครั้ง แต่มีข้อดีตรงที่มีการบริการที่รวดเร็วและไม่ต้องนั่งรอนานมากเกินไป ก็สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที และยังเป็นโรงพยาบาลที่มีทีมแพทย์รักษาโรคจิตเวชแบบครอบคลุมที่สามารถรักษาได้ทั้ง เด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน และผู้สูงอายุอีกด้วย
• คลินิกจิตเวช เป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยทางด้านจิตเวชเลยก็ว่าได้ เพราะสามารถเดินทางได้สะดวกสบายและมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่แพงมากนัก เช่น คลินิกบางกอกเฮลท์ฮับ สมรักจิตเวชคลินิก กายใจคลินิก โดยคลินิกเหล่านี้ยังสามารถนัดวันเวลากับทีมแพทย์ที่รักษาได้ในแบบที่เราต้องการ

การเข้ารับการปรึกษากับทีมแพทย์จิตเวชทางออนไลน์

สำหรับการรักษาทางออนไลน์ หมายถึง การเข้ารับการบริการบำบัดทางจิตด้วยการเข้าไปพูดคุยกับทางทีมแพทย์ เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความสบายใจมากขึ้น และเป็นการเข้ารับการรักษาผ่านทางออนไลน์โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง พร้อมกับยังได้รับคำแนะนำในการดูแลตัวเองจากทางทีมแพทย์อย่างใกล้ชิดอีกด้วย

การดูแลสุขภาพจิตการดูแลสุขภาพจิตเมื่อต้องเผชิญกับภาวะความโศกเศร้า

สุขภาพจิตของเราเป็นสิ่งที่เราควรใส่ใจและดูแลตัวเองมากที่สุด และถ้าหากเรากำลังอยู่ในภาวะเศร้าหรือที่เรียกว่าอาการดิ่งจากการสูญเสียหรือพบเจอเรื่องดราม่าต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของเรา ควรรีบดึงตัวเองให้ออกจากอาการดังกล่าวทันที เพราะการที่เราปล่อยให้สภาพจิตใจอยู่ในระดับที่ดิ่งนานมาก ๆ จะส่งผลทำให้เราเป็นโรคซึมเศร้าได้นั้นเอง พร้อมกับยังส่งร้ายในเรื่องของการเรียนและการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพอีกด้วย ดังนั้นการบำบัดตนเองเมื่อต้องเผชิญภาวะความโศกเศร้าที่ได้ผลแน่นอน ก็มีรายละเอียดดังนี้

1. เราต้องยอมรับความจริงให้ได้ ก่อนอื่นถ้าเราพบเจอเรื่องเศร้าโศก เราควรยอมรับความจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงให้ได้ และแสดงอาการเศร้าอย่างเหมาะสม พร้อมกับมีการพูดคุยกับคนรอบข้างร่วมด้วย เพื่อเป็นการลดอาการเศร้าโศกให้บรรเทาลงอย่างนั้นเอง
2. อยู่อย่างมีสติมากขึ้น เราควรดำเนินชีวิตอยู่ต่ออย่างมีสติให้มากที่สุด พร้อมกับต้องสังเกตสภาพจิตใจของเราเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่หมกมุ่นกับความเศร้าที่มากเกินไป ควรออกไปพบปะผู้คนหรือเพื่อนฝูงบ้าง เพื่อบรรเทาความเศร้าที่มีอยู่ให้จางหายไป แต่ถ้าสังเกตว่าตนเองมีอาการผิดปกติอย่างอาการหูแว่ว ประสาทหลอน นอนไม่หลับ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาหนทางแก้ไขต่อไป
3. ระบายความรู้สึกออกมาบ้าง เมื่อเรารู้สึกเศร้ากับเหตุการณ์บางอย่างที่พบเจอมาในแต่ละวัน ควรระบายความเศร้าโศกเหล่านั้นออกมาให้หมด หรือจะเป็นการระบายให้กับคนรอบข้างที่เราไว้ใจที่สุด ก็จะช่วยบรรเทาอาการเศร้าโศกได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว อีกทั้งยังถือว่าเป็นการเยียวยาจิตใจแบบหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีมากขึ้น
4. การพาตนเองออกจากสิ่งที่ทำให้รู้สึกเศร้า ถ้าเรารู้สึกเศร้าจนไม่อยากทำอะไรให้เราออกห่างจากปัจจัยที่ทำให้เศร้า เช่น ไม่รับรู้ข่าวสาวใด ๆ จากโลกออนไลน์ ไม่ดูคลิปที่ทำให้เราร้องไห้ ก็จะช่วยให้สภาพจิตใจของเราดีมากขึ้น
5. หากิจกรรมผ่อนคลายทำอยู่บ่อย ๆ การที่เราทำกิจกรรมที่เราชอบมากที่สุด อย่างงานอดิเรก หรืองานศิลปะที่เราชอบ ถือว่าเป็นการผ่อนคลายความเศร้ารูปแบบหนึ่งที่จะช่วยให้สภาพจิตใจของเรามีความเข้มแข็งมากขึ้น พร้อมกับยังทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างราบรื่นอีกด้วย
6. มีสมาธิให้มากขึ้น เมื่อเราพบเจอกับเหตุการณ์สูญเสียหรือเรื่องที่กระทบกับสภาพจิตใจของเรา ในระยะแรกอาจจะทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดกับอาการดังกล่าว และยากที่จะยอมรับกับความจริงเหล่านั้นให้ได้ ดังนั้นเราควรมีสมาธิให้มากขึ้น พร้อมกับควบคุมจิตใจของเราไม่ให้ดิ่งมากเกินไป ก็จะช่วยให้เราลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

จิตแพทย์ ที่ไหนดี ที่รักษาหายแน่นอนรีวิว 5 อันดับ จิตแพทย์ ที่ไหนดี ที่รักษาหายแน่นอน

สำหรับปัญหาเรื่องสุขภาพจิตถือว่าเป็นเรื่องที่เราควรใส่ใจดูแลรักษาให้ดี แต่ถ้าหากเรามีความเครียด หรือมีอาการซึมเศร้าที่มีสาเหตุจากการทำงานหรือการเรียน ควรรีบเข้ารับการรักษากับทางทีมแพทย์ทันที ก็จะช่วยให้อาการป่วยของเราดีมากขึ้น พร้อมกับยังได้รับความแนะนำต่าง ๆ ในการดูแลตนเองอย่างถูกต้องวิธีที่ทำให้การรักษาได้ผลที่มากยิ่งขึ้น ดังนั้นเราจึงจะมาแนะนำเกี่ยวกับ 5 อันดับการรักษากับจิตเวชที่ไหนดีที่สุดโดยมีรายละเอียดดังนี้

โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางด้านสุขภาพจิต1. โรงพยาบาลมนารมย์ โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางด้านสุขภาพจิต

เป็นโรงพยาบาลของทางเอกชนที่มีความเด่นในเรื่องของการบริการคนไข้ที่มีความรวดเร็วทันใจ และยังมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคจิตเวชที่ครอบคลุมทุกวัยเลยก็ว่าได้ เช่น เด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีการเข้ารับการบำบัดด้วยการพาทำกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีส่วนร่วมในสังคมมากขึ้น พร้อมกับยังมีการพูดคุยถึงสาเหตุของโรคกับผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และที่สำคัญยังมีการใช้ยาเข้าร่วมในการรักษาเพื่อปรับความสมดุลให้กับสมองอีกด้วย

ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลจิตเวช


ooca ปรึกษาจิตแพทย์ และนักจิตวิทยาการปรึกษาออนไลน์ คลายเครียด2. Ooca ปรึกษาจิตแพทย์ และนักจิตวิทยาการปรึกษาออนไลน์ คลายเครียด

เป็นผู้ให้บริการรักษาโรคจิตเวชในรูปแบบออนไลน์ ที่ผู้ป่วยสามารถปรึกษากับคุณหมอได้ด้วยตรง ซึ่งทางคุณหมอจะมีการแนะนำวิธีการดูแลตนเองแบบเบื้องต้น พร้อมกับยังมีการพูดคุยเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น โดยการเข้ารับการรักษาในรูปแบบนี้มีข้อดีตรงที่ว่าจะสามารถเข้าถึงคุณหมอผู้เชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับยังทำให้ผู้ป่วยรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น

ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลจิตเวช


หาจิตแพทย์ รักษาซึมเศร้า ที่ รพ.พญาไท 23. หาจิตแพทย์ รักษาซึมเศร้า ที่ รพ.พญาไท 2

เป็นโรงพยาบาลจิตเวชที่มีการรักษาด้วยรูปแบบทันสมัย โดยผู้ป่วยจะสามารถโทรติดต่อสอบถามมาทางแผนกจิตเวชเพื่อนัดวันเวลาที่เข้ารับการรักษาได้ในแบบที่ต้องการ และยังสามารถนัดวันเวลาพร้อมกับกรอกประวัติส่วนตัวก่อนการเข้ารับการรักษาผ่านทางเว็บไซต์ของทางโรงพยาบาลได้เลยทันที อีกทั้งยังเป็นโรงพยาบาลทางด้านจิตเวชที่มีผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคจิตเวชทุกประเภท ด้วยการเน้นการบำบัดด้วยการทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงมีการใช้ยาบางกลุ่มเพื่อรักษาอาการของผู้ป่วยให้ดีขึ้น

ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลจิตเวช


ศูนย์จิตรักษ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ (จิตเวชศาสตร์)4. ศูนย์จิตรักษ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ (จิตเวชศาสตร์) 

เป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงและมีสาขาที่กระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศ โดยจะมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของจิตเวชโดยตรง พร้อมกับยังมีการรักษาที่เน้นในเรื่องของการบำบัดเป็นหลัก และมีการพูดคุยกับผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอเพื่อบรรเทาอาการป่วยของโรคให้ดีมากยิ่งขึ้น แถมยังมีค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการรักษาที่ไม่แพงอีกด้วย

ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลจิตเวช


Joy of minds คลีนิค - ปรึกษานักจิตวิทยา5. Joy of minds คลีนิค – ปรึกษานักจิตวิทยา

เป็นคลินิกที่มีบรรยากาศที่อบอุ่น และเน้นการรักษาผู้ป่วยด้วยการพูดคุยบำบัดสภาพจิตใจของผู้ป่วยให้ดีมากขึ้น พร้อมกับยังมีทีมแพทย์ที่คอยให้คำแนะนำต่าง ๆ ในการดูแลสภาพจิตใจให้ดีขึ้น ที่จะช่วยให้อาการป่วยจิตเวชของผู้ป่วยดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นคลินิกที่สามารถเดินทางได้สะดวกสบายพร้อมกับยังมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่แพงและมีความสมเหตุสมผลอีกด้วย

ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลจิตเวช


สรุป หาจิตแพทย์ ที่ไหนดี

สุขภาพจิตของเรามีความสำคัญมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเราควรดูแลสภาพจิตใจของเราให้เข้มแข็งอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับมองหาในเรื่องของกิจกรรมอื่น ๆ ทำร่วมด้วย เพื่อเป็นการลดโอกาสในการเป็นโรคซึมเศร้าได้นั้นเอง อีกทั้งคลินิกและโรงพยาบาลที่ได้แนะนำไปข้างต้นเป็นช่องทางในการรักษาโรคจิตเวชที่ได้ผลอย่างแน่นอน เพราะมีการรักษาด้วยการบำบัดที่ควบคู่ไปกับการทายาร่วมด้วย ที่จะช่วยให้อาการป่วยของผู้ป่วยดีมากขึ้นและไม่กลับไปป่วยเป็นครั้งที่สองอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น